-=-=-=-=-=-=- กลับหน้าหลักเวบบอร์ด ของ www.4x4.in.th -=-=-=-=-=-=-

   SocialTwist Tell-a-Friend



 Somnoi@3277
 Posted : 29 / 12 / 2010, 08:33:43
 สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น

LIKE

มีข้อความ
__  __

อยากทราบว่า เปลี่ยนเฟื่อง 8.41 + ยาง 31 เลขไมล์วัดระยะทางปกติไหมครับ???
คลิ๊กที่ภาพ

พอดีสังเกตุดูตัวเลขวัดกิโลช่องเล็กปรากฏว่าแก๊ส 1 ถังวิ่งได้มากกว่าเดิมเกือบ 100 โลครับเป็นงง ท่านใดพอที่จะเฉลยหน่อยได้ไหมครับ เพราะตั้งแต่เปลี่ยนเฟื่องกับยางมานี้ผมสงสัยเกือบทุกอย่างเลยครับ

1. รอบเหลือมากจากเดิมประมาณ 700 รอบที่เกียร์ 5 ความเร็วตามไมล์ 100
2. ต้องออกตัวที่เกียร์ 2 เลย เกียร์ 1 ออกตัวสั้นมากๆๆๆ
3. จากที่เคยใช้เกียร์ตามลักษณะของการจราจรต้องเปลี่ยนเป็นอีกเกียร์ เช่น จาก 2 เป็น 3
4. เสียงเครื่องดังขึ้นจากเดิมพอสมควร ตอนนี้ยังไม่ชินครับ
5. เลขไมล์ช่องเล็กเพี้ยนหรือเปล่าแก๊ส 1 ถังวิ่งได้มากกว่าเดิมเกือบ 100 โล

ขอบคุณครับที่ช่วยตอบทุกข้อที่สงสัย.....เป็นน้องใหม่ในวงการก้ออย่างนี้แหล่ะครับสงสัยไปหมดเลย

 

ชอบ 0
ชอบ ข้อความ : L I K E
เลิกชอบ ข้อความ : U N L I K E
Board : vision12
IP 125.25.41.123  

   Daemon27
 Posted : 29 / 12 / 2010, 09:40:05
สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น

LIKE


 จำนวนถาม :
 จำนวนตอบ :
 รวมทั้งหมด : 0


มีข้อความ
__  __

ข้อความเลขที่ : 1
อยากรู้ว่าเพี้ยนไหม ก็ลองจอดตรงหลักกิโลเมตรดูครับ ลองวิ่งจากหลักที่หนึ่ง เลขไมล์เริ่มที่ 0
ไปถึงอีกหลักหนึ่ง ระยะทางได้เท่าไหร่ก็รู้แล้วครับ ง่ายๆ หากระยะทาง 1 ช่วงหลักกิโลเมตร
รถพี่วิ่งได้ต่ำกว่า ก็แสดงว่าไมล์แข็งไป
หากเกิน 1 กม. ก็แสดงว่าไมล์อ่อนไป
ลองดูหลายๆหลักก็ได้ครับ จะได้ชัวร์ๆ
แล้วก็ลองคำนวนดูว่าครั้งต่อไปเราต้องเอาเลขอะไรไปคูณ ถึงได้ระยะจริงครับ
อย่างของผม 1 หลัก กม.จะอ่อนไปประมาณ 100 ม. คือ ระยะจริง 1 กม. ไมล์ขึ้น 1.1 กม.
เลยเอาง่ายๆ คูณด้วย 0.9 ก็จะเหลือ 0.99 กม. ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้น่ะครับ

แต่จากที่บอกมา น่าจะอ่อนครับ สำหรับเฟือง 8/41 กับยาง 31

รอบเครื่องมันต้องจัดขึ้นอยู่แล้วครับ เพราะพี่เล่นทดมาซะมากเลย
แต่เดี๋ยวก็ชินครับ ผมขับปกติคันเดียวรอบก็ 3000-3500 ขับกับพวกแรงๆก็มี 4000 ขึ้นครับ



 



ชอบ 0
ชอบ ข้อความ : L I K E
เลิกชอบ ข้อความ : U N L I K E
Board : vision12
IP 222.123.205.161  
กลับขึ้นด้านบน

  Somnoi@3277
 Posted : 29 / 12 / 2010, 10:41:00
สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น

LIKE


 จำนวนถาม :
 จำนวนตอบ :
 รวมทั้งหมด : 0

มีข้อความ
__  __

ข้อความเลขที่ : 2
คุณDaemon27 ครับแล้วจะใส่ยางเท่าไหร่ดีครับจึงจะเหมาะสมกันครับ ของผมเครื่องเดิม สโลว์เดิม เฟื่อง 8.41 ยาง 31 ครับ รบกวนอีกรอบครับ

 


ชอบ 0
ชอบ ข้อความ : L I K E
เลิกชอบ ข้อความ : U N L I K E
Board : vision12
IP 125.25.41.123  
กลับขึ้นด้านบน

   ปอนด์ๆ
 Posted : 29 / 12 / 2010, 10:55:44
สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น

LIKE


 จำนวนถาม :
 จำนวนตอบ :
 รวมทั้งหมด : 0


มีข้อความ
__  __

ข้อความเลขที่ : 3
1. รอบเหลือมากจากเดิมประมาณ 700 รอบที่เกียร์ 5 ความเร็วตามไมล์ 100

>>> รอบเหลือมากเป็นปกติ ของ เฟือง 8/41 กับยาง 31 ถ้าเครื่องยนต์ปกติ ลองซัดยาวๆดูครับ ไมล์อาจเลย 140 (แต่ความเร็วจริงไม่ถึง)

2. ต้องออกตัวที่เกียร์ 2 เลย เกียร์ 1 ออกตัวสั้นมากๆๆๆ

>>>ก็ปกติอีกเช่นกัน สาเหตุตามข้อ1 รอบจัดเกิน

3. จากที่เคยใช้เกียร์ตามลักษณะของการจราจรต้องเปลี่ยนเป็นอีกเกียร์ เช่น จาก 2 เป็น 3

>>>ก็ปกติอีกเช่นกัน สาเหตุตามข้อ1 รอบจัดเกิน

4. เสียงเครื่องดังขึ้นจากเดิมพอสมควร ตอนนี้ยังไม่ชินครับ

>>>ก็ปกติอีกเช่นกัน สาเหตุตามข้อ1 รอบจัดเกิน

5. เลขไมล์ช่องเล็กเพี้ยนหรือเปล่าแก๊ส 1 ถังวิ่งได้มากกว่าเดิมเกือบ 100 โล

>>>ก็ปกติอีกเช่นกัน สาเหตุตามข้อ1 ไมล์คาริเบี้ยน วัดจากการหมุนของเกียร์สโลว์ เมื่อทดเฟืองท้าย

8/41 อัตราทด 5.125 - เฟืองเดิม 11/43 อัตราทด 3.909 = รอบการหมุนที่เพิ่มขึ้น 1.261 บวกกับ

อัตราทดของเกียร์สโลว์เดิมๆ 1300 ที่ไม่ใช่ 1ต่อ1 คือ 4h 1.409, 4L 2.268 ทีนี้ก็ต้องคำนวนว่าอัตรา

ทดขนาดนี้ เหมาะกับยางขนาดเท่าไหร่ ถ้าใส่ยางในขนาดที่เหมาะสม รอบเครื่อง กำลังรถก็จะใกล้เคียงรถสแตนดาร์ด

>>>เพิ่มเติม<<<<

คำถาม

อัตราทดสูงดีมั๊ย >>> ดี มีกำลัง ในการลุย การขึ้นเนินชัน การปีนป่าย แต่ ต้องยอมรับ อัตราการ

บริโภคเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่สูงขึ้น(การทำงานที่หนักขึ้น) นั่นหมายถึงอุณหภูมิ

เครื่องยนต์ที่สูงขึ้น (ลองคิดง่ายๆคือถ้าเอาเหล็ก 2 ชุด มาถูกันในเวลาเท่ากัน ชุดนึง ถูแบบเรื่อยๆไม่

รีบ อีกชุด ถูแบบเร็วถี่ยิบ แน่นอน เหล็กที่ถูแบบถี่ยิบ ต้องร้อนกว่า อีกชุดที่ถูแบบเรื่อย ถึงแม้จะถู

ในเวลาที่เท่ากัน) เทียบกับเครื่องยนต์ก็เหมือนกัน ต้องลองติดเกจ์วัด TEMP ดูอีกจุด คือนำเซ็นเซอร์

ไปติดในจุดที่แนบกับโลหะเครื่องยนต์ดูครับ รับลองว่าอุณหภูมิจะสูงกว่า วัดความร้อนเดิมที่มากับรถ

ซึ่งวัดจากน้ำในหม้อน้ำ จะแค่ 100 องศา เมื่อถึงจุดเดือดที่100 องศา ก็จะกลายเป็นไอน้ำ (แต่ต้อง

เป็นน้ำบริสุทร์แต่อุณหภูมิรอบๆ อาจจะสูงเกิน 100 ได้)

หลายคนอาจมองข้ามเรื่องความร้อนเพราะคิดว่าเด๋วเปลี่ยนหม้อน้ำใหญ่ขึ้น หรือ เพิ่มช่องหม้อน้ำให้

เป็น 3 ช่อง จากเดิม 2 ช่อง หรือติดพัดลมไฟฟ้าเพิ่ม แต่ไม่ค่อยมองว่าอุณภูมิของโลหะมันจะสูงแค่

ไหนในเวลาที่อยู่ในรอบสูงๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อต้องเดินทางไกลๆ ต้องใช้ความเร็ว ก็ต้องกดคันเร่ง

ถึงแม้จะกดคันเร่งเท่าเดิม (ในตอนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้าย หรือ เกียร์สโลว์ก็ตาม) แน่

นอนว่ารอบเครื่อง จะสูงไปจากเดิมแน่นอน

ทีนี้ก็จะเป็นคำตอบว่า เราใช้รถในลักษณะใด กี่เปอร์เซ็นในการใช้รถ ที่ต้องใช้กำลังสูงๆ ต้องปีนป่าย

กี่เปอร์เซ็นที่เราใช้วิ่งปกติในชีวิตประจำวัน(มีอัตราเร่งแซงที่ดี มีกำลังพอที่จะขึ้นทางชัน) ก็เลือก อัตรา

ทดที่เหมาะสมครับ

ปล.เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่มาจากรถผมเองนะครับ รถรุ่นเดียวกันไม่เหมือนกันเสมอไป รอพี่ๆท่านอื่นมาชี้แนะอีกทีนะครับ



 



ชอบ 0
ชอบ ข้อความ : L I K E
เลิกชอบ ข้อความ : U N L I K E
Board : vision12
IP 192.168.212.39  
กลับขึ้นด้านบน

   Daemon27
 Posted : 29 / 12 / 2010, 12:13:19
สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น สำหรับผู้ดูแลหรือเจ้าของบอร์ดเท่านั้น

LIKE


 จำนวนถาม :
 จำนวนตอบ :
 รวมทั้งหมด : 0


มีข้อความ
__  __

ข้อความเลขที่ : 4
ถามว่าอะไรเหมาะสม คงตอบไม่ได้หรอกครับ
ความชอบ ความรู้สึก ในการขับรถ การฟังเสียงเครื่อง แต่ละคนมันไม่เหมือนกันครับ

ลองย้อนกลับไปตอนเดิมๆก่อนนะครับ ว่าตอนนั้นขับเป็นยังไง อัตราเร่ง แซง กำลังขึ้นเนิน เป็นยังไง
พอใจไหม (ถ้าชอบแบบนั้นก็ต้องทดกลับไปให้ใกล้สแตนดาร์ด หรือดีกว่าเดิมนิดๆ) ซึ่งก็จะได้คล้ายๆของเดิม ก็น่าจะต้องเป็นยางสัก 32 น่ะครับ ถึงจะใกล้ๆเดิม แต่คงเหลืออีกนิดๆ

แต่ถ้าของเดิมมันอึดอัด เร่งไม่ขึ้น แซงไม่ค่อยพ้น เกือบต้องเข็นเองตอนขึ้นเนิน ก็ต้องทดให้มันเหลือๆ แล้วปรับคนขับไปหารถครับ จะได้สนุกมากขึ้น

ต้องลองเองครับ บอกว่าอันไหนดีกว่าไม่ได้ มันแล้วแต่คนขับครับ

แล้วก็คงตามมาที่ปัญหาตามที่พี่ปอนด์บอก เรื่องความร้อน การเสียดสีของเหล็ก ลูกสูบต่างๆ ในเครื่องยนต์
ผมจึงเลือกไปคบกับน้ำมันสังเคราะห์แท้ 100% 0-40(แพงมากเปลี่ยนทีจนเลย )
ใครจะว่าเกินไปยังไงไม่รู้แต่ที่ผมเห็นคือเวลาเปิดฝาครอบวาล์วมา จะเห็นความแตกต่างมากมาย
จากที่ไปเจอที่อู่บ่อยๆ ว่ามันสะอาดต่างกันขนาดไหน คราบรอยไหม้ หรือสีคล้ำดำ ไม่ปรากฏให้เห็นเนื่องจากน้ำมันเครื่องมันไม่ไหม้ และทนความร้อนได้ดีกว่า สูญเสียโครงสร้างน้ำมันในการหล่อลื่นที่อุณภูมิสูงกว่า เหมือนกับรถแข่งรอบมันจัดน่ะครับ คงไม่มีรถแข่งคันไหนใช้น้ำมันเครื่องธรรมดาแน่ เพราะมันจะไหม้และเกิดคราบเหนียว ลูกสูบติดครับ
น้ำมันเกียร์-เฟืองท้าย ก็เช่นเดียวกันครับ ไม่ใช่เฉพาะรอบเครื่อง รอบมันสูงขึ้นตามกันมาหมด โดยเฉพาะในเกียร์สโลว์ รอบมันจะจัดยิ่งกว่าเครื่องอีกครับ เพราะมันเป็นเกียร์ทดกำลังจากรอบเครื่องอีกที ซึ่งจะต้องได้รอบมากขึ้น เพื่อไปหมุนเฟืองท้าย ซึ่งก็หมุนรอบมากขึ้นอีกตามที่ทดเพิ่ม เพื่อให้ล้อหมุนได้ 1 รอบ
คำนวณไม่ไหวครับ ลืมไปหมดแล้วเรื่องคณิตศาสตร์


 



ชอบ 0
ชอบ ข้อความ : L I K E
เลิกชอบ ข้อความ : U N L I K E
Board : vision12
IP 222.123.205.161  
กลับขึ้นด้านบน

Page :    1

[ ปิดหน้าเพจ ]

ย้ายเวบบอร์ดไป VISION13 แล้ว




© Copyright 2000 - 2012 Allrights reserved.
Powered by www.suzuki4x4.net ™ Version 2.2.1 ®
 www.4x4.in.th